หนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษ อาหรับ นิวส์ ซึ่งออกในซาอุดี้ ได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์รายการโทรทัศน์นี้ โดยอ้างคำพูดของชี้คว่า ไม่มีเหตุผลที่จะกล่าวหาว่า การขับรถจะทำให้ผู้หญิงออกห่างจากศาสนา ดังเช่นที่กลุ่มอุละมะอฺหัวอนุรักษ์กำลังทำอยู่ และการขับรถของผู้หญิงเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องออกคำฟัตวา
ชี้คยังกล่าวอีกว่าการห้ามผู้หญิงขับรถโดยอ้างว่าพวกเธออาจจะถูกละเมิดทางเพศเป็นข้อบ่งชี้ว่าไม่มีความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาของประเทศ ซึ่งสอนให้รู้จักแยกแยะความถูก-ผิด โดยอาศัยหลักการของอิสลามนั่นเอง
ในอีกด้านหนึ่ง Nasser al-Oud อาจารย์ด้านสังคมมองว่าการขับรถของผู้หญิงเป็นประเด็นด้านวัฒนธรรม ซึ่งควรจะมีการศึกษาวิจัยจากหลายแง่มุมซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาวิจัยหรือสำรวจอย่างชัดเจนว่าคนขับรถที่เป็นชาวต่างชาติในสังคมซาอุดี้ ทำให้เกิดผลกระทบอะไรบ้าง
ตามข้อมูลของอาจารย์ al-Oud ในซาอุดี้มีคนขับรถประมาณ 740,000 คน ซึ่งอาจารย์เห็นว่าคนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสังคมโดยรวม อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ทำให้เงินตรารั่วไหลออกนอกประเทศ หลายกรณีคนขับรถเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัว บางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรม รวมทั้งการลักลอบค้ามนุษย์
เขายังกล่าวอีกว่า สังคมซาอุดี้ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทันใด รวมทั้งสิ่งที่จะทำให้ดูเหมือนลดบทบาทของผู้ชายที่เคยเป็นใหญ่ และได้รับการยอมรับ แต่ในกรณีการขับรถ หัวหน้าครอบครัวกลับไม่ได้ทำหน้าที่ในการเติมเต็มความต้องการของสมาชิกในบ้าน แต่กลับเป็นคนขับรถมากกว่าที่ได้รับความสำคัญ
อีกความเห็นหนึ่งของ มุฮัมมัด อัล-ซุลฟา อดีตสมาชิกสภาชูรอ ซึ่งเห็นว่าผู้หญิงปัจจุบันไม่ได้เปราะบางเหมือนเมื่อก่อน เธอมีความเข้มแข็งมากกว่าที่ผู้ชายคิด โดยเฉพาะบรรดาแม่หม้าย และหญิงที่ถูกสามีหย่า ซึ่งหลายคนต้องหาเลี้ยงคนทั้งครอบครัวเพียงลำพัง
ซุลฟายังย้ำว่าเราต้องมีความเชื่อมั่นในความศรัทธาของเหล่าสตรีรวมทั้งต้องออกฟัตวาใหม่เพื่อมาล้มล้างฟัตวา หรือกฎหมายเก่าๆ ที่ล้าสมัย รวมทั้งสภาชูรอต้องยกประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับผู้หญิงขึ้นมาถกกันใหม่ เขาเห็นว่าเรื่องการขับรถของผู้หญิง เป็นกรณีปัญหาด้านวัฒนธรรม และสังคม ซึ่งการให้รัฐบาลเข้ามาตัดสินในเรื่องนี้น่าจะดีกว่า
ซุลฟาและบินบาซ มีความเห็นสอดคล้องกันในเรื่องนี้ เขาทั้งคู่เห็นว่าการขับรถก็เช่นเดียวกับการศึกษา การสาธารณสุข รวมทั้งการได้รับอนุญาตให้มีอิสระในการสัญจร หรือการใช้รถโดยสารสาธารณะ ซึ่งรัฐบาลต้องให้สิทธิ์พื้นฐานเหล่านี้แก่ประชาชนอยู่แล้ว
No comments:
Post a Comment