ใครที่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ
คงต้องอ่านเรื่องนี้แล้วคิดใหม่เสียหน่อย
เพราะรายงานข่าวจากเมืองผู้ดีระบุว่า ผู้คนใน
อังกฤษกำลังหันมากินข้าวปั้นซูชิกันมากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า
อาหารญี่ปุ่นชนิดนี้ไม่ได้เป็นมิตรกับสุขภาพอย่างที่เข้าใจกัน
หลุยส์ ซัตตัน แห่งมหาวิทยาลัยลีดส์ เมโทรโพลิแทน บอกว่า ซูชิซึ่งมีทั้งหน้าปลาดิบ ไข่ หรือผัก อาจมีคอเลสเตอรอล เกลือ พยาธิตัวกลม สารปรอท และแบคทีเรีย ฉะนั้นควรเลือกกินอย่างชาญฉลาด
คอเลสเตอรอล
: ไข่ปลาค็อดที่แนมมากับซูชินั้น
มีกรดไขมันโอเมกา-3ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจ แต่ไข่ปลาก็มีคอเลสเตอรอลสูง
จึงไม่ควรกินคราวละมากๆ หรือกินบ่อยๆ หากเป็นคนที่มีคอเลสเตอรอลสูงอยู่แล้ว
ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่ควรกินซูชิเพราะมีกรดยูริกสูง ซึ่งจะทำให้อาการกำเริบ
เกลือ
: แม้ซูชิมีเกลือน้อย แต่ถ้าจิ้มซอสถั่วเหลืองจนชุ่มก็จะเป็นการเพิ่มเกลือ
ซอสที่ใส่มาในถุงพร้อมซูชินั้น มีเกลือ 1กรัม คน
เราไม่ควรได้รับเกลือเกินวันละ 6กรัม ฉะนั้น
คนที่มีความดันโลหิตสูงจึงควรหลีกเลี่ยงซอสถั่วเหลือง
หรือคนที่แพทย์แนะนำให้ กินอาหารที่มีเกลือน้อย
พยาธิตัวกลม
: รายงานวิชาการสองชิ้น
ซึ่งนำเสนอต่อที่ประชุมของสมาคมศาสตร์ว่าด้วยกระเพาะอาหารและลำไส้อเมริกัน
เมื่อ เร็วๆ นี้ บอกว่าพบพยาธิตัวกลมในซูชิ
เมื่อถูกย่อยในทางเดินอาหารของมนุษย์
ตัวอ่อนของพยาธิตัวกลมจะเกาะเข้ากับเยื่อบุกระ เพาะอาหารและลำไส้
ทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และท้องร่วง
ปลาดิบที่จะนำมาทำซูชิควรแช่แข็งที่อุณหภูมิลบ 20องศา เซลเซียส
เป็นเวลาอย่างน้อย 24ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้พยาธิตาย
สารปรอท
: เมื่อปีที่แล้ว ผลวิจัยในวารสาร Biology Letters ในอังกฤษ เปิดเผยว่า
ซูชิหน้าปลาทูน่าซึ่งมีขายตามร้านอาหารและ ซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐ
มีสารปรอทสูงเกินระดับมาตรฐานด้านสาธารณสุข
หากได้รับสารปรอทมากเกินไปจะส่งผลต่อระบบ ประสาท เช่น อัมพาตสมอง หูหนวก
ตาบอด ดังนั้นหญิงมีครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงปลาบางชนิด เช่น เนื้อปลาทูน่าสด
แบคทีเรีย
: แบคทีเรียที่พบบ่อยในซูชิเป็นชนิด สตาไฟโลค็อกคัส ออรีอุส
ซึ่งเจอในข้าวมากกว่าในปลาดิบ หากข้าวปั้นถูกทิ้ง ไว้ที่อุณหภูมิห้อง
แบคทีเรียในข้าวจะแบ่งตัว และเสี่ยงต่อโรคอาหารเป็นพิษ
การเลือกซื้อควรเลือกซูชิที่สดใหม่ กินหมดภายในเวลาที่กำหนด และเก็บแช่ในตู้เย็น
ที่มา ... ไทยโพสต์
No comments:
Post a Comment