Monday, April 25, 2011

ท่องเที่ยวหมู่บ้ายจีนยูนาน

หมู่บ้านชาวจีนยูนานตั้งอยู่ที่บ้านสันติชล ห่างจากอำเภอปาย 4 กม. หากขับมาจากตัวเมืองปาย ผ่านโรงพยาบาลปายและตรงข้นเขาเล็กน้อยไปเรื่อยๆ ผ่านวัดน้ำฮู เมืองปายขึ้นไปอีกนิดเลี้ยวซ้ายก็จะเจอบ้านชาวจีนยูนาน ถนนเส้นตรงจากวัดอุ่นเมืองหรือที่เรียกว่าวัดน้ำฮูกันนั่นเ อง ขับเลยไปเพื่ออพาเราไปยังปลายทาง หมู่บ้านศูนย์วัฒนธรรมยูนาน พื้นที่ที่เคยถูกมองว่าเป็นสีแดง เขตค้ายาเสพย์ติดของว้าแดงมาก่อน มีชาวเขาบ้านสันติชลเชื้อสายจีนพักพิงอยู่กว่า 1000 ชีวิตเลยทีเดียว หากมองเข้าไปแล้วก็จะเจอบ้านดินที่เป็นแนวๆที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ มีของฝากจกาชาวจีนยูนานมากมายจัดจำหน่ายอยู่ และมีลานกว้างเป็นสนามหญ้าและทางเดิน มีหินโบราณก้อนใหญ่ๆตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของลานที่หมูบ้านชาวจีนยูนานแห่งนี้และมีมังกรหันหัวลงดินหางชี้ฟ้า มีธงชาติไทยปักเป็นสัญลักษณ์อยู่

วิถีชีวิตของชาวจีนยูนานที่อพยพลงจากดอยมาตั้งรกรากอยู่แถบนี้ได้ปรับตัวกลายเป็น หมู่บ้านท่องเที่ยว ไปเรียบร้อยแล้ว นับจากทางการได้ส่งทหารเข้ามาเคลียร์ความสงบเรียบร้อยและประจำการอยู่ตั้งแต่ปี 2546 อาชีพหลักให้สมาชิกทั้งหมู่บ้าน ส่วนใหญ่ทำมาหากินท่องเที่ยวเชิงเกษตร ลงทุนเปิดร้านอาหารยูนาน รับจัดเลี้ยงโต๊ะจีน และจัดทำของที่ระลึกขายนักท่องเที่ยว จากเดิมที่ชาวบ้านต้องหวาดผวาเสี่ยงกับการเป็นแหล่งค้ายาเสพย์ติด แต่ทุกวันนี้ชีวิตทั้งหมดเปลี่ยนจนหมดแล้ว เพราะรัฐบาลไทยและด้วยเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง จึงทำให้มีหมู่บ้านชาวจีนยูนานนี้ขึ้นมา

บรรยากาศในหมู่บ้านจำลองอยู่บนลานวัฒนธรรมของชาวจีนยูนาน มีร้านอาหารชาวจีนยูนานยูนานเปิดให้บริการทุกวัน แต่ละเมนูล้วนถูกปากนักท่องเที่ยวทั้งนั้น ในครัวมีหน้าต่างหน้ากว้างเปิดให้เห็นกันสดเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเห็นวิธีปรุงอาหารของชาวจีนยูนานได้ชัดเจนทีเดียว และการแต่งกายที่ยังคงเอกลักษณ์กลิ่นอายชาวเขาแบบชาวจีนยูนานอยู่ หมู่บ้านจีนยูนานของปายที่นี่เป้นต้นแบบการพัฒนาหมู่บ้านเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีวิธีการจัดการเหลือเชื่อ ทั้งเรื่องความสะอาด การต้อนรับ และการพัฒนามีที่จอดรถสะดวกสบาย มีข้าวของเครื่องใช้ของชาวจีนยูนาน อาหารการกินแบบชาวจีนยูนาน ชมศิลปวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของชาวจีนยูนานได้ที่หมูบ้านชาวจีนยูนานนี้ เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกชาวจีนยูนาน และรับประทานอาหารจีนยูนานกันให้อิ่มหนำสำราญกันไปเลย ที่ขาดไม่ได้คือหมั่นโถขาหมูนะครับ หมูหินแนะนำ





Wednesday, April 20, 2011

ผมทรงสกินเฮด มาจากไหน

ที่มาของ สกินเฮด ผม ทรงสกินเฮด (skinhead)หรือทรงติดหนังหัว

แท้จริงเป็นลัทธิของวัยรุ่นผิวขาวในหมู่ชนชั้นกรรมาชีพในสหรัฐ ที่ถือกำเนิดมาในช่วงปลายปี 2503 และพัฒนาเรื่อยมาจนถึงขีดสุดในอังกฤษช่วงปี 2513 ซึ่งสมัยนั้นรู้จักในนามอีกชื่อหนึ่งว่า พังก์ (punk) ต่อมาในช่วงปลายปี 2523 บรรดาสกินเฮดรุ่นใหม่ได้รับความกดดันจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเริ่มเกลียดชัง ชาวต่างชาติที่อพยพเข้าไปในสหรัฐและประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต พวกสกินเฮดจึงเป็นพวกเหยียดผิว นิยมความรุนแรง และมีส่วนในการฆาตกรรมชาวต่างชาติ พวกรักร่วมเพศ ฯลฯ ในเมืองต่างๆของสหรัฐ ในปัจจุบันผู้คลั่งลัทธิจะต้องผมสั้นเกรียน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสกินเฮด มักจะมีรอยสักตามแขนหรือลำตัว ชอบใส่เสื้อแขนยาวของนักบินและรองเท้าหุ้มข้อ มีเชือกรองเท้าสีสันต่างๆกัน เช่น ขาว แดง และเหลือง



Tuesday, April 12, 2011

ตำนานนางสงกรานต์


ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยทรัพย์แต่อาภัพบุตร ตั้งบ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุราที่มีบุตรสองคน วันหนึ่งนักเลงสุราต่อว่าเศรษฐีจนกระทั่งเศรษฐีน้อยใจ จึงได้บวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานอยู่กว่าสามปี ก็ไร้วี่แววที่จะมีบุตร อยู่มาวันหนึ่งพอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำ พอถึงก็ได้เอาข้าวสารลงล้างในน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชาอธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาในต้นไทรนั้น รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ไม่ช้าพระอินทร์ก็มีเมตตาประทานให้เทพบุตรองค์หนึ่งนาม "ธรรมบาล" ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี ไม่ช้าก็คลอดออกมา เศรษฐีตั้งชื่อให้กุมารน้อยนี้ว่า ธรรมบาลกุมาร และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้กุมารนี้อยู่อาศัย ต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารโตขึ้น ก็ได้เรียนรู้ซึ่งภาษานก และเรียนไตรเภทจบเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่าง ๆ แก่คนทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ได้ลงมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรบูชา แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารว่า ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นธรรมบาลกุมารจึงขอผัดผ่อนกับท้าวกบิลพรหมเป็นเวลา 7 วัน ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอด จึงจดจำไว้ ครั้นรุ่งขึ้น ท้าวกบิลพรหมก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้ยินจากนกไปตอบกับท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกธิดาทั้งเจ็ดอันเป็นบาทบาจาริกาพระอินทร์มาประชุม พร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร ถ้าจะตั้งไว้ยังแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนำพานมารองรับ แล้วก็ตัดเศียรให้นางทุงษะ ผู้เป็นธิดาองค์โต จากนั้นนางทุงษะก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ

จากนั้นมาทุก ๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมแห่ไปรอบ เขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม ในแต่ละปีนางสงกรานต์แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ ดังนี้

1. ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ

2. ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ)

3. ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู)

4. ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา)

5. ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงหน้าไม้ เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง)

6. ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย)

7. ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง)

สำหรับความเชื่อทางล้านนานั้นจะมีว่า

1. วันอาทิตย์ ชื่อ นางแพงศรี

2. วันจันทร์ ชื่อ นางมโนรา

3. วันอังคาร ชื่อ นางรากษสเทวี

4. วันพุธ ชื่อ นางมันทะ

5. วันพฤหัส ชื่อ นากัญญาเทพ

6. วันศุกร์ ชื่อ นางริญโท

7. วันเสาร์ ชื่อ นางสามาเทวี


Tuesday, April 5, 2011

Guitar

The guitar is a plucked string instrument, usually played with fingers or a pick. The guitar consists of a body with a rigid neck to which the strings, generally six in number, are attached. Guitars are traditionally constructed of various woods and strung with animal gut or, more recently, with either nylon or steel strings. Some modern guitars are made of polycarbonate materials. Guitars are made and repaired by luthiers. There are two primary families of guitars: acoustic and electric.

Acoustic guitars (and similar instruments) with hollow bodies have been in use for over a thousand years. There are three main types of modern acoustic guitar: the classical guitar (nylon-string guitar), the steel-string acoustic guitar, and the archtop guitar. The tone of an acoustic guitar is produced by the vibration of the strings, which is amplified by the body of the guitar, which acts as a resonating chamber. The classical guitar is often played as a solo instrument using a comprehensive fingerpicking technique.

Electric guitars, introduced in the 1930s, rely on an amplifier that can electronically manipulate tone. Early amplified guitars employed a hollow body, but a solid body was found more suitable. Electric guitars have had a continuing profound influence on popular culture. Guitars are recognized as a primary instrument in genres such as blues, bluegrass, country, flamenco, jazz, jota, mariachi, reggae, rock, soul, and many forms of pop.