Saturday, December 31, 2011

คำอวยพรปีใหม่หลายภาษา


ภาษาไทย

สวัสดีปีใหม่

คำอวยพรภาษาอังกฤษ

Merry Christmas & Happy New Year

ภาษาญี่ปุ่น

akema shite ometeto kosaimus

อาเคมัสชิเต โอโมเดโตะ โคไซอิมัส

ภาษาอิตาเลียน

Felice anno nuovo ( เฟลิเช่ อันโน นูโอโว)

พรภาษาสเปน

!Feliz Navidad y prospero ano nueve!

(เฟลิช นาบิดาด อี พรอสเปโร อันโญ่ นวยโบ)

สุขสันต์วันคริสต์มาสและขอให้มีความรุ่งเรืองในวันปีใหม่

คำอวยพรภาษาฝรั่งเศส

Bonne annee (บอน นานเน่)

ภาษาจีน

Gong Xi Fa Cai (กงซือฟาฉาย)

แปลว่า ขอให้มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองในวันปีใหม่

Saturday, December 24, 2011

Christmas

History

The earliest evidence of the celebration on December 25 of a Christian liturgical feast of the birth of Jesus is from the Chronography of 354 AD. This was in Rome, while in Eastern Christianity the birth of Jesus was already celebrated in connection with the Epiphany on January 6.The December 25 celebration was imported into the East later: in Antioch by John Chrysostom towards the end of the 4th century, probably in 388, and in Alexandria only in the following century. Even in the West, the January 6 celebration of the nativity of Jesus seems to have continued until after 380.

Many popular customs associated with Christmas developed independently of the commemoration of Jesus' birth, with certain elements having origins in pre-Christian festivals that were celebrated around the winter solstice by pagan populations who were later converted to Christianity. These elements, including the Yule log from Yule and gift giving from Saturnalia, became syncretized into Christmas over the centuries. The prevailing atmosphere of Christmas has also continually evolved since the holiday's inception, ranging from a sometimes raucous, drunken, carnival-like state in the Middle Ages, to a tamer family-oriented and children-centered theme introduced in a 19th-century reformation. Additionally, the celebration of Christmas was banned on more than one occasion within Protestant Christendom due to concerns that it was too pagan or unbiblical.

Food

A special Christmas family meal is traditionally an important part of the holiday's celebration, and the food that is served varies greatly from country to country. Some regions, such as Sicily, have special meals for Christmas Eve, when 12 kinds of fish are served. In England and countries influenced by its traditions, a standard Christmas meal includes turkey or goose, meat, gravy, potatoes, vegetables, sometimes bread and cider. Special desserts are also prepared, such as Christmas pudding, mince pies and fruit cake.

In Poland and other parts of eastern Europe and Scandinavia, fish often is used for the traditional main course, but richer meat such as lamb is increasingly served. In Germany, France and Austria, goose and pork are favored. Beef, ham and chicken in various recipes are popular throughout the world. The Maltese traditionally serve Imbuljuta tal-Qastan, a chocolate and chestnuts beverage, after Midnight Mass and throughout the Christmas season. Slovaks prepare the traditional Christmas bread potica, bûche de Noël in France, panettone in Italy, and elaborate tarts and cakes. The eating of sweets and chocolates has become popular worldwide, and sweeter Christmas delicacies include the German stollen, marzipan cake or candy, and Jamaican rum fruit cake. As one of the few fruits traditionally available to northern countries in winter, oranges have been long associated with special Christmas foods.

Monday, December 12, 2011

ประโยชน์ของผลไม้

แตงโม

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

แตงโมมีสารที่ว่ากันว่า ให้ความชุ่มชื้นต่อผิวที่แห้งผาก

หรือผิวที่ร้อนระอุในช่วงหน้าร้อนเป็นอย่างดี และแตงโมนั้นก็ยัง

ให้ความเย็นอยู่บนผิวของเราได้นานกว่าผลไม้ชนิดอื่น

โดยวิธีการดังนี้เตรียมผ้ากรองชนิดบางขนาดผ้าพันแผล 2 ผืน

เฉือนเนื้อแตงโมเป็นชิ้นบางๆ พอประมาณ วางลงระหว่างผ้า

ที่เตรียมไว้ โดยให้เนื้อแตงโมอยู่ระหว่างกลางผ้า 2 ชิ้น

หลังจากนั้น นำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่ว เว้นส่วนของรูจมูก

ให้ผ้าและชิ้นแตงโมติดผิวหน้าและทุกส่วน ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที

หลังจากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

กล้วย

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ

ในเรื่องของสาร ต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักดี

คือ เบต้าแคโรทีน โดยธรรมชาติเมื่อเราอายุมากขึ้น

หรือเกิน 22 ปีไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกาย

จะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆของร่างกาย

ก็เริ่มมาเยือน ช่วงนี้เอง มี 2 สิ่งที่สำคัญเกิดขึ้นในร่างกายเรา

ซึ่งก็คือเซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ก็จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น

และส่วนที่สองคือ ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนสึกหรอ

ของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถใน

การจำกัดอนุมูลอิสระ ก็ลดลง ในกล้วยไข่ 1 ขีด

มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม

มะละกอ

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

เป็นไม้ผลที่คนทั่วไปนิยมรับประทาน ผลดิบนำมาปรุงอาหาร

และผลสุกรับประทานสด น้ำมีรสหวานหอม มีวิตามินเอ และ

แคลเซี่ยมสูง มะละกอผลดิบมียาง มีสารเพคติน แคลเซี่ยม

วิตามินซี และอื่นๆ ผลสุก มีวิตามินเอสูง วิตามินซี สารเพคติน

เหล็ก แคลเซี่ยม และมีสาร Cerotenoid เป็นสาร

ที่ทำให้เนื้อมะละกอสุกมีสีส้ม ต้นมะละกอ ใช้เป็นยาขับประจำ

เดือน ลดไข้ ดอก ขับปัสสาวะ ราก แก้กลากเกลื้อน ยาง ช่วย

กัดแผล รักษาตาปลา หูด ฆ่าพยายธิ

ฝรั่ง

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

ทราบหรือไม่ว่าฝรั่ง 1 ขีด มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม วิตามิน

ซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณ

เต่งตึงไม่แก่ก่อนวัย และวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสาร

ต้านอนุมูลอิสระนี้เอง ที่ทำให้คอลลาเจน และอีลาสติเสื่อมสภาพ ผิวหนัง

เหี่ยวแห้ง เกิดริ้วรอยตีนกา วิตามินซีมีความสำคัญต่อการสร้างและบำรุง

เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เซลล์นับล้านตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื่อ

เยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนี มันคือ คอลลาเจนตัวเดียวกับคอลลาเจน ที่ทำ

ให้ผิวพรรณบนใบหน้าเต่งตึงนั่นเอง

ส้ม

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดย

ไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่ม

ท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว

นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค็กก้อนโต หรือ

โดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์

มากกว่าในราคาที่ถูกกว่า ผิวส้มมีน้ำมันหอมระเหย วิตามินซี

และสารอื่นๆ ใช้เป็นยา ผิวผลใช้สกัดทำทิงเจอร์สำหรับแต่งกลิ่นยา

และมีฤทธิ์ขับลม เปลือกส้ม ปรุงเป็นยาหอมแก้ลมวิงเวียน หน้ามืด

ตาลาย แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้อ น้ำจากผล ให้วิตามินซี รับประทาน

ป้องกัน และรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน บำรุงร่างกาย แก้ไอ

และขับเสมหะ

เงาะ

เปลือกผลเงาะนำมาต้มกินน้ำ เป็นยาแก้อักเสบ

มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาอาการอักเสบในช่องปาก

และโรคบิดท้องร่วง มีข้อควรระวังอย่าหนึ่ง

คือเม็ดในของเงาะ มีพิษ แม้ว่าจะเอาไปคั่วจนสุกแล้ว

แต่ถ้ากินมากเกินไปจะมีอาการปวดท้องเวียนศีรษะมีไข้

คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้นเม็ดเราไม่ควรจะรับประทาน

มะม่วง

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

ผลรสเปรี้ยว ชุ่มเย็น ใช้บำรุงกระเพาะอาหาร แก้คลื่นไส้ อาเจียน

วิงเวียน กระหายน้ำและขับปัสสาวะ ยางจากลูกและต้นผสมน้ำส้ม

หรือน้ำมันแก้คัน ดอกมะม่วง รับประทานแก้ท้องร่วง และเบาหวาน

แก้บิดเรื้องรัง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และหนองใน เมล็ด รสเปรี้ยว

ชุ่ม สุขุม แก้ไส้เลื่อน ท้องอืดแน่น และขับพยาธิ ใบอ่อนและเปลือก

ชงน้ำร้อนกินแก้ปวด อมบ้วนปากแก้เจ็บคอ ปวดฟัน เจ็บเหงือก

แต่ใบแก่จัดมีสารพิษ